ประเทศไทยนั้นสมัยก่อนไฟฟ้านั้นยังไม่เป็นที่รู้จักหรือยังไม่เคยค้นพบจนมาถึงพ.ศ. 2427 สมัยของ รัชกาลที่ 5
ผู้คนในประเทศไทยส่วนมากนั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าไฟฟ้านั้นมาได้อย่างไรผู้ให้กำเนิดกิจการไฟฟ้าในประเทศไทยนั้นคือ จอมพลเจ้าพระยา สุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต)
เมื่อครั้งยังมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าหมื่น ไวย วรนาถ โดนท่านได้คิดค้นเครื่องติดตั้งที่ให้กำเนิดไฟฟ้า เดินสายไฟฟ้า และทำการติดตั้ง ดวงโคมไฟฟ้า ที่กรมทหารหน้า
และยังเป็นที่ตั้งกระทรวง กลาโหมในปัจจุบัน จึงมีการทดลองการเปิดใช้แสงสว่างครั้งแรก ด้วยไฟฟ้านั้นปรากฏว่าบรรดาขุนนาง ข้าราชการ และประชาชน ส่วนใหญ่ได้รวมตัว
กันมาดูแสงไฟฟ้าอย่างหนาแน่นด้วยการที่ได้เห็นแสงสว่างจากพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้นทุกคนจึงตื่นตาและตื่นเต้น และก็ได้ทำการติดตั้งไฟฟ้าทั่ววังหลวงนับตั้งแต่นั้น
ไฟฟ้าจึงแพร่ออกไปตามที่ต่าง ๆ ไฟฟ้าจึงเริ่มเป็นรูปร่างและเสถียรมากขึ้นแล้วก็มีบริษัทจากเดนมาร์กได้เข้ามาขอสัมปทานผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อจะนำไปทำเป็นรถรางจากบางคอแหลม
ถึงพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรก และไม่นานนับจากนนั้นได้มีการเพิ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อให้แสงสว่าง โดยที่มีการติดตั้งระบบผลิตที่มั่นคงถาวรขึ้นที่วัดเลียบ และที่แห่งนี้ยังเป็น
ที่ตั้งการไฟฟ้านครหลวงในสมัยปัจจุบันนี้อีกด้วยและในปี พ.ศ. 2457 โปรดเกล้าได้มีการให้ตั้งโรงไฟฟ้า ขึ้น 1 โรง มีชื่อเรียกว่าการไฟฟ้าหลวงสามเสน โดยที่มีฐานะเป็น
กองหนึ่งของกรมโยธาเทศบาล กระทรวงมหาดไทย นับเวลาผ่านไปนั้นไม่นานก็ได้ทำการเข้าร่วมกับกิจการไฟฟ้ากรุงเทพมหานคร นี่คือที่มาของการไฟฟ้านครหลวงในปัจจุบันนี้
มีหน้าที่รับผิดชอบดูแล พื้นที่ นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ซึ่งรวมทั้งหมดแล้ว 3 จังหวัด เป็นจังหวัดหลัก ๆ ที่เป็นพื้นที่ ที่เจริญแล้วซึ่งไฟฟ้าพวกนี้ในปัจจุบันมีความสำคัญ
ต่อชีวิตมนุษย์มากถ้าไม่มีจะส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้านเพราะส่งมาก โรงงาน บริษัท และสถานที่ต่างๆ มีการใช้ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของงานและเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต
ถ้าไม่มีไฟฟ้าในยุคปัจจุบันนั้นจะเกิดการรำบาคอย่างมากเพราะผู้คนเกิดที่มาในยุคสมัยปัจจุบันนั้นมีความชินกับการใช้ชีวิตคู่กับไฟฟ้าไปแล้วจนทำให้ขาดไฟฟ้าไม่ได้ในยุคปัจจุบัน