BCOMZ.COM
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083 - 792 5426 เริ่มต้นที่ 500บาท/เครื่อง ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4
BCOMZ.COM
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083 - 792 5426 เริ่มต้นที่ 500บาท/เครื่อง ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4
BCOMZ.COM
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083 - 792 5426 เริ่มต้นที่ 500บาท/เครื่อง ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4
BCOMZ.COM
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083 - 792 5426 เริ่มต้นที่ 500บาท/เครื่อง ให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่ รามคำแหง บางกะปิ นวมินทร์ เสรีไทย ลาดพร้าวเฉพาะ บริเวณ จากเดอะมอลบางกะปิถึงโชคชัย 4

ฟังก์ชั่นคืออะไร

ฟังก์ชั่นคืออะไร

เมื่อเราพูดถึงคำว่า ฟังก์ชั่น จะหมายถึง ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น

add() เป็นฟังก์ชั่น ทำการบวก 
subtract() เป็นฟังก์ชั่น ทำการลบ 
multiply() เป็นฟังก์ชั่น ทำการคูณ 
devision() เป็นฟังก์ชั่น ทำการหาร 
printf() เป็นฟังก์ชั่นแสดงผลบนจอภาพคอมพิวเตอร์ 
scanf() เป็นฟังก์ชั่นรับข้อความจากแป้นคีย์บอร์ด

  โปรดสังเกตว่า ทุก ๆ ฟังก์ชั่นจะมีเครื่องหมาย () เสมอ ส่วนจะมีอะไรภายในวงเล็บหรือไม่นั้น ตอนนี้อย่าพึ่งไปสนใจ ผมต้องการให้ผู้อ่านทราบในขั้นต้นเพียงว่า ทุก ๆ ฟังก์ชั่น จะมีเครื่องหมาย () ตามหลังเสมอ

  ก่อนที่เราจะศึกษารายละเอียดในส่วนต่อไป ผมอยากทำความเข้าใจกับผู้เรียนเสียก่อนว่า ในยุคแรก ๆ ระบบคอมพิวเตอร์ ใช้รหัสฐานสองในการเขียนโปรแกรม ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาภาษา Assembly ซึ่งเป็นภาษาระดับต่ำ ในเวลาต่อมา เมื่อโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีความสลับซับซ้อนมากขึ้น จึงได้พัฒนาโปรแกรมโดยใช้หลักการของ Structure ซึ่งภาษาที่สนับสนุนหลักการดังกล่าวได้แก่ C, Pascal, Basicและอื่น ๆ ในระยะนั้น การพัฒนาโปรแกรมดูเหมือนว่า จะไม่มีปัญหาอะไรเพราะสามารถสร้างโปรแกรมได้ทุกรูปแบบดีอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การเขียนโปรแกรม ที่มีความสลับซับซ้อนสูง ๆ ไม่สามารถทำได้ดีนักด้วยภาษาที่ใช้หลักการ Structure จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมีการพัฒนาแนวคิดใหม่ขึ้น นั่นคือหลักการที่ชื่อว่า Object Oriented โดยใช้แนวคิด คือรวมแนวคิดแบบ Structure เข้ากับการมองปัญหาเป็นวัตถุ หรือ Object ซึ่งโปรแกรมที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวนี้คือ C++, Java, Python และอื่น ๆ นอกจากนั้นในยุคปัจจุบันได้มี .Net ของบริษัทไมโครซอฟต์ซึ่งได้แก่ Visual C++ .NET และ Visual Basic .NET โดยสนับสนับสนุนแนวคิดแบบ Object Oriented

ก่อนจะจบบทความนี้ ผมอยากจะสรุปความแตกต่างระหว่าง C และ C++ ให้ผู้อ่านทราบพอเป็นสังเขปดังต่อไปนี้ 
1. ภาษาซี มีจุดเด่นสูงสุดคือคำสั่ง struct ย่อมาจาก structure หมายถึงภาษาโครงสร้าง 
2. ภาษา C++ มีจุดเด่นสูงสุดคือคำสั่ง Class ซึ่งมองปัญหาต่าง ๆ ออกเป็นส่วน ๆ เป็นกลุ่มก้อนหรือเป็นคลาส 
3. ภาษา C และ C++ มีชนิดข้อมูลอันเดียวกัน เช่น มีตัวแปรเลขจำนวนเต็ม, ตัวแปรทศนิยม, ตัวแปร double และชนิดอื่น ๆ เหมือนกัน 
4. ภาษา C และ C++ มีคำสั่งในการวนลูปทั้งหลาย เช่น for loop และ do while loop ที่มีรูปแบบการใช้งานเหมือนกัน 100 % 
5. ภาษา C รับและแสดงผลข้อมูลโดยใช้ Header file ชื่อ stdio.h โดยใช้คำสั่ง printf() เพื่อแสดงผลข้อมูลให้ปรากฎลนจอภาพคอมพิวเตอร์ และคำสั่ง scanf() เพื่อรับข้อมูลจากแป้นคีย์บอร์ด

  ภาษา C++ รับและแสดงผลข้อมูลจาก Header file ชื่อ iostream.h โดยใช้คำสั่ง cout เพื่อแสดงผลข้อมูลให้ปรากฎบนจอภาพคอมพิวเตอร์ และคำสั่ง cin เพื่อรับข้อมูลจากแป้นคีย์บอร์ด